พุยพุย

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนประจำวันที่ 18 กันยายน 2557


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้


1.ได้เรียนรู้เกี่ยวการฟัง  พูด  อ่าน  เขียน   ของเด็กปฐมวัย จากการนำเสนอ Power point
   พัฒนาการทางภาษาเริ่มพัฒนาเป็นกรรมานการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกเกิด แล้วจะพัฒนาการไปตามลำดับขั้นตอนของพัฒนาการตามวัยของเด็ก โดยเริ่มจากการฟังเสียงจากสิ่งรอบตัว แล้วพัฒนาไปสู่คำที่มีความหมาย
                        พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัยมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามระดับอายุ และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ละขั้นตอนมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน นั่นคือพัฒนาการทางภาษาขั้นต้นเป็นพื้นฐานของการพัฒนาขั้นที่สูงขึ้นโดยเริ่มจากทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนตามลำดับ กล่าวคือ พัฒนาการด้านการฟังเป็นฐานข้อมูลไปสู่พัฒนาการด้านการพูด ส่วนการอ่านเป็นฐานข้อมูลไปสู่พัฒนาการด้านการเขียน เป็นต้น

1.พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการฟังของเด็กปฐมวัย
อายุ
พัฒนาการด้านการฟัง
3 ปี 4 ปี
1. ฟังนิทานสั้น ๆ หนังสือสั้น ๆ หรือเรื่องราวได้อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะประเภทเทพนิยาย
2. เข้าใจคำสั่งครู และปฏิบัติตามคำสั่ง ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง และข้าง ๆ ได้
3. ปฏิบัติตามคำสั่งได้ 2 3 ขั้นตอน
4. สนใจฟังวิทยุ โทรทัศน์ โดยเฉพาะการฟังละคร
4 ปี 5 ปี
1. ชอบฟังนิทาน เรื่องสั้น ๆ หรือเรื่องราวและบอกตัวละครที่ชอบได้ โดยเฉพาะประเภทเทพนิยาย เช่น สโนไวท์ ซิลเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา ถ้ามีโอกาสได้แสดงบทบาทสมมติตามเรื่อง เด็กจะพอใจมาก
2. ปฏิบัติตามคำสั่งที่ต่อเนื่อง 3 4 ขั้นตอน
5 ปี 6 ปี
1. ชอบฟังเรื่องราว เรื่องสั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ และบอกตัวละครที่ชอบได้
2. มีมารยาทในการฟัง
3. มีสมาธิในการฟังเรื่องที่สนใจ
4. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
5. ฟังคำสั่งหลายขั้นตอนที่ไม่เกี่ยวข้องและสามารถปฏิบัติได้

2.พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการพูดของเด็กปฐมวัย

อายุ
พัฒนาการด้านการพูด
3 ปี 4 ปี
1. สนใจภาษาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคำแสลง หรือคำอุทานที่ไม่สุภาพแล้วเก็บมาพูด
2. สนทนาโต้ตอบหรือเล่าเรื่องราวสั้น ๆ ได้
3. ตอบคำถามง่าย ๆ ได้
4. ใช้คำบุพบท บน ล่าง ได้
5. พูดเลียนแบบจะพูดประโยคยาวมากขึ้น เช่น หนูรักคุณครูเท่าฟ้า
6. บอกชื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวได้
7. ชอบพูดคนเดียว คุยกับเพื่อนในฝัน
8. ตั้งคำถามผู้ใหญ่ อะไร ทำไม
3 ปี 4 ปี
1. สนใจคำถามเกี่ยวกับการเกิด เช่น หนูออกมาจากท้องแม่ทางไหน และยังสนใจเรื่องความตาย เช่น ทำไมคุณปู่จึงตาย คุณปู่ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน  คุณปู่จะทานอาหารอย่างไร
2. บอกชื่อภาพของสิ่งของที่คุ้นเคยได้
3. ท่องคำคล้องจองหรือเพลงสั้น ๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวได้
4. บอกความรู้สึก ความต้องการพื้นฐาน เช่น หิว ร้อน เจ็บปวด และปัสสาวะได้
5. ยังออกเสียงพูดไม่ชัดเจน เช่น ร ล ด ส
4 ปี 5 ปี
1. พูดคำคล้องจอง ร้องเพลงสั้น ๆ และทำท่าประกอบได้
2. สามารถเข้าใจคำพูดมากขึ้น
3. สนทนาโต้ตอบหรือเล่าเรื่องราวที่จะพูดเป็นประโยคต่อเนื่องได้

4.พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการอ่านของเด็กปฐมวัย
อายุ
พัฒนาการด้านการอ่าน
3 ปี 4 ปี
1. สนใจหนังสือที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง
2. เริ่มมีความต้องการที่จะอ่านหนังสือ เช่น หยิบหนังสือมาให้ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง เปิดดูหนังสือด้วยตนเอง เป็นต้น
3. อ่านพยัญชนะได้บ้าง
4. อ่านหนังสือประกอบภาพได้คล่อง แต่จำอักษรไม่ได้
5. ชอบดูรูปภาพสัตว์เลี้ยง ดอกไม้
6. อาจรู้จักคำง่าย ๆ (บางคนใช้วิธีท่องจำ บางคนก็จำได้เอง)
7. เปิดและทำท่าอ่านหนังสือ
3 ปี 4 ปี
1. แสดงความสนใจที่จะอ่านด้วยการมองภาพและตัวหนังสือในนิทาน
2. ทำท่าอ่านหนังสือโดยอาศัยภาพและความจำ
3. เลือกหนังสือที่ตนสนใจให้ผู้อื่นอ่านให้ฟัง
4. อ่านคำสั้น ๆ ได้โดยอาศัยความจริง
5. จำพยัญชนะได้แม่นยำโดยไม่ต้องใช้ภาพช่วย
6. เริ่มรู้จักตัวสะกดง่าย ๆ
7. ชอบอ่านหนังสือเสียงดังเต็มที่
8. สนใจหนังสือตัวโต ๆ คำง่าย ๆ
4 ปี 5 ปี
1. สามารถเข้าใจหนังสือรูปภาพได้รวดเร็ว
2. ชอบหนังสือเกี่ยวกับอนามัย หรือการใช้เหตุผลง่าย ๆ หรือการใช้คำสุภาพ
3. อ่านชื่อตัวเอง ป้ายประกาศ ชื่อขนมที่รับประทานบ่อยได้บ้าง
4. ชอบอ่านโฆษณาในโทรทัศน์ ยี่ห้อรถยนต์ หรือยี่ห้อสินค้าอื่น ๆ

5 พัฒนาการทางภาษาด้านทักษะการเขียนของเด็กปฐมวัย
อายุ
พัฒนาการด้านการเขียน
3 ปี 4 ปี
1. จำชื่อตัวเองได้ หรืออาจเขียนชื่อตนเองได้
2. เขียนอักษรได้บางตัว
3. ขีดเขียนตามความสนใจ
4. ชอบวาดภาพระบายสี
5. วาดรูปวงกลมตามแบบได้
6. คัดลอกตัวอักษรที่เห็นได้
7. บอกข้อความให้ผู้ใหญ่เขียนได้
4 ปี 5 ปี
1. เขียนชื่อตนเองได้แต่ตัวอักษรอาจไม่เท่ากัน
2. เขียนพยัญชนะ ตัวเลขได้ แต่อาจไม่เรียงลำดับ
3. เขียนตัวอักษรได้แต่บางทีหัวกลับ หรือสลับตัวอักษร
4. เขียนตามแบบผู้ใหญ่ได้
5. วาดภาพที่ยากขึ้นได้และภาพมีความสมบูรณ์ขึ้น
6. วาดรูปสี่เหลี่ยมตามแบบและวงกลมเข้าด้วยกันได้
7. ใช้เชือกร้อยสิ่งของได้
8. ตัดกระดาษให้อยู่ในแนวระหว่างเส้นสองเส้นได้
9. ขีดเขียนเป็นลายเส้นคล้ายตัวอักษร
5 ปี 6 ปี
1. วาดรูปสามเหลี่ยม (D) ตามแบบได้
2. ใช้เชือกร้อยวัสดุตามแบบได้
3. ตัดกระดาษตามเส้นได้
4. เขียนโดยคิดตัวสะกดขึ้นเอง เช่น ก ข แทนคำว่ากินข้าว
5. เขียนสะกดคำใกล้เคียงกับวิธีสะกดของผู้ใหญ่
6. เขียนคำที่คุ้นเคยได้
7. สื่อความหมายของคำที่เขียนได้มากขึ้น
8. ขีดเขียนชื่อตนเอง คำ ข้อความที่ลอกหรือจำมาได้
 อ้างอิง  www.yalaopec.go.th/yalaopec2011/images/stories/082556/0956/7.doc


ภาพกิจกรรม



บันทึกการเรียนประจำวันที่ 11 กันยายน 2557

ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้


1. เรียนเกี่ยวกับทฤษฎี

            1.1แนวคิดของกลุ่มพฤติกรรมนิยม

                                  >> ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Skinner  พฤติกรรมของคนเกิดจากการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ผลจากการแสดงพฤติกรรมนั้นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าพฤติกรรมนั้นจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นอีกหรือไม่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับสถานการณ์เดิม ถ้าเกิดขึ้นอีกจะเรียกผลพฤติกรรมนั้นว่า การเสริมแรงทางบวก แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นอีกเรียกผลของพฤติกรรมนั้นว่า การลงโทษ การอธิบายถึงการเรียนรู้ด้านจริยธรรมผ่านกระบวนการเสริมแรงและการลงโทษ หากเด็กแสดงพฤติกรรมที่ดีแล้วได้รับการชมเชย ยกย่อง คือ เด็กจะแสดงพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก แต่หากแสดงพฤติกรรมใดแล้วถูกลงโทษ เด็กจะระงับหรือหยุดการกระทำนั้น ๆ ดังนั้นการเรียนรู้พฤติกรรมจริยธรรมของเด็กจึงขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่จะตัดสินว่า พฤติกรรมใดเป็นพฤติกรรมทางจริยธรรมที่เหมาะสม แล้วนำมาใช้ในการอบรมปลูกฝังเด็ก
                                  

            1.2  แนวคิดกลุ่มพัฒนาการทางสนติปัญญา

                             >> ทฤษฎีการเรียนรู้ของ  Piaget     
พัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก
และพัฒนาการทางสติปัญญา ตามแนวความคิดของเพียเจท์
ได้อธิบายถึงพัฒนาการทางความคิดและสติปัญญาใน
ความเห็นของเขาว่า บุคคลสามารถคิด ดัดแปลงความคิดและ
แสดงความคิดของตนออกมาได้ ย่อมเป็นผลมาจาก
ขบวนการปรับเข้าสู่โครงสร้าง (assimilation) และการจัดปรับ
ขยายโครงสร้าง (accommodation) โดยผลของการทำงาน
ดังกล่าวจะเกิดเป็นโครงสร้างขึ้น (schema)

            1.3 แนวคิดกลุ่มที่เชื่อเรื่องความพร้อมของร่างกาย

           >> ทฤษฎีของ rnold Gesell 
ความเชื่อในเรื่องของความเจริญเติบโตตามวุฒิภาวะ โดย
กล่าวว่า “วุฒิภาวะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
อย่างมีระเบียบ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้าภายนอก” กีเซล
เชื่อว่าพฤติกรรมของเด็กจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทาง
สรีระวิทยา ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมขึ้น การฝึกฝนหรือ
การเรียนรู้ไม่ว่าลักษณะใดก็ตาม จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
และเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ ถ้าหากร่างกายยังไม่พร้อม
หรือยังไม่มีวุฒิภาวะ

         1.4 แนวคิดของกลุ่มที่เชื่อว่าภาษาติดตัวมาตั้งแต่เกิด

         >> ทฤษฎีของ O.Hobart Mowrer การเรียนรู้การพูดของเด็ก เกิดจากการเลียนเสียงอันเนื่องมาจาก ความพึงพอใจที่จะได้ทำเช่นนั้น โมว์เรอร์ (Mowrer) เชื่อว่าความสามารถในการฟัง และ ความเพลิดเพลินจากการได้ยินเสียงผู้อื่นและเสียงตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการทางภาษา

2.  อาจารย์สอนร้องเพลง 10 เพลง


1.เพลง แปรงฟัน

2.เพลง อาบน้ำ

3.เพลง ล้างมือ

4.เพลง เมื่อพบกัน

5.เพลง พี่น้องกัน

6.เพลง ตาดูหูฟัง

7.เพลง ฝึกกายบริหาร

8.เพลง มาโรงเรียน

9.เพลง โคร่เอย

10.เพลง กินผักกัน

3. วาดภาพสิ่งที่นักศึกษาชอบและประทับใจที่สุด พร้อมนำเสนอหน้าชั้นเรียน
     

ภาพกิจกรรม
















































บันทึกการเรียนประจำวันที่ 4 กันยายน 2557


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้

1.ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการทางการพูดของเด็กปฐมวัยจะมีลักษณะดังนี้
  • ขั้นที่ 1 ขั้นปฏิกิริยาสะท้อน (Reflexive Vocalization) จะเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงทารกแรกเกิดจนถึงอายุ ประมาณ 1 เดือนครึ่ง การเปล่งเสียงออกมาของเด็กในระยะนี้ไม่มีความหมายแน่นอน แต่เสียงร้องประกอบกับท่าทางการเคลื่อนไหวบ่งบอกถึงสภาวะร่างกายที่เด็กเผชิญอยู่ เด็กเริ่มหันไปทางเสียงพูดที่เด็กได้ยิน
  • ขั้นที่ 2 ขั้นออกเสียงอ้อแอ้ (Babbling Stage) จะเกิดขึ้นกับเด็กในช่วง 3 –4 เดือน โดยอวัยวะการฟังเสียงและการเปล่งเสียง ได้แก่ หู ปาก ลิ้น เริ่มพัฒนามากขึ้น เด็กจะได้ยินทั้งเสียงของผู้อื่นและเสียงของตนเอง เด็กจะลองทำเสียงต่างๆ ที่ได้ยิน
  • ขั้นที่ 3 ขั้นเลียนเสียง (Lalling Stage) เริ่มเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือน เป็นขั้นที่ประสาทรับฟังเสียงและประสาทตาพัฒนาขึ้นจนสามารถจับเสียงที่ผู้อื่นพูดได้ พร้อมกันนี้ประสาทตาจะสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของริมฝีปากของผู้พูดด้วย เด็กสามารถเลียนเสียงของผู้อื่นและเลียนเสียงของตัวเองได้
  • ขั้นที่ 4 ขั้นเลียนเสียงผู้อื่น (Echolalia) เริ่มเมื่อเด็กอายุประมาณ 9 เดือน เด็กจะลดการเลียนเสียงตัวเอง แต่จะเลียนเสียงผู้อื่นมากขึ้น เพราะระยะนี้เด็กจะให้ความสนใจต่อคำที่เด็กคุ้นเคยบางคำ และเริ่มสนใจต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวภายในบ้านมากขึ้น จึงเห็นได้ว่าพัฒนาการด้านการพูดของเด็กจะพัฒนาจากการพูดอ้อแอ้เป็นการพูดโดยเลียนเสียงตนเองและผู้อื่นจาก 2 –3 คำต่อมาเด็กจะสามารถพูดเป็นประโยคยาวๆ ที่มีคำศัพท์และมีโครงสร้างไวยากรณ์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น สำหรับพัฒนาการทางภาษาแรกเริ่มและการสื่อสารของเด็กวัย 3 –5 ปีมีลักษณะ ดังนี้
  • เด็กอายุ 3 –4 ปี สามารถใช้คำศัพท์ได้ประมาณ 2000 –4000 คำ ใช้ประโยคง่ายๆได้โดยใช้คำประมาณ 3 –4 คำ ชอบเล่นนิ้วมือเล่นจังหวะ เรียนรู้คำศัพท์ในเพลงหรือบทกลอนที่มีคำซ้ำๆ ชอบถามด้วยคำว่า ใคร อะไร ที่ไหน ทำไม
  • เด็กอายุ 4 –5 ปี สามารถใช้คำศัพท์ได้ประมาณ 4000 –6000 คำ สามารถใช้คำที่เป็นนามธรรมมากขึ้น สามารถพูด 5 –6 คำ ต่อ 1 ประโยค สามารถร้องเพลงง่ายๆ ได้ และเล่นกับนิ้วมือมากขึ้น เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวและประสบการณ์ของตนเองได้ สามารถเลียนแบบท่าทางหรือพฤติกรรมของผู้ใหญ่ และสามารถควบคุมระดับเสียงในบางเวลา สามารถใช้โครงสร้างประโยคที่ก้าวหน้ามากขึ้น เช่น ประโยคที่แสดงความสัมพันธ์ ประโยคที่มีคำถามต่อท้าย เช่น เธอน่ารัก ใช่หรือไม่ สามารถเล่าเรื่องซ้ำ 4 –5 ลำดับขั้นหรือ 4 –5 ประโยคในหนึ่งเรื่อง
  • เด็กอายุ 5 –6 ปี สามารถใช้คำศัพท์ได้ประมาณ 5000 –8000 คำ สามารถใช้ประโยคที่ซับซ้อนและสมบูรณ์มากขึ้น จำประโยคต่างๆ จากกลอนง่ายๆ กล่าวซ้ำได้อย่างสมบูรณ์ทั้งประโยค แสดงทักษะการสื่อสารตามรูปแบบอย่างสมบูรณ์ ใช้ภาษาท่าทางได้ สามารถเล่าเรื่องและเล่าเรื่องซ้ำด้วยการปฏิบัติ สนุกสนาน ในการทบทวนเรื่อง กลอนและเพลง สนุกสนานในการแสดงละครและเรื่องต่างๆ สามารถใช้คำพูดในการเสนอความคิดเห็น
พัฒนาการทางการอ่านของเด็กปฐมวัยมีดังนี้
  • ขั้นที่ 1 Emergent Reading ดูหนังสือเรื่องที่ชอบ พูดข้อความในหนังสือด้วยภาษาของตน ทำท่าเหมือนอ่านหนังสือ จับใจความและตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อเรื่องโดยใช้ประสบการณ์เดิมของตนเอง ไม่สนใจข้อความตามลำดับของเรื่อง อ่านเรื่องสั้นๆที่บอกให้ครูบันทึกให้ อ่านและเขียนตัวขีดเขี่ย (Scribbles) อ่านตัวอักษรพยายามลอกหรือเขียนทับ
  • ขั้นที่ 2 Advanced Emergent Reading กวาดตามองข้อความตามบรรทัด ดูข้อความที่มีหนังสือตัวใหญ่และเขียนเว้นคำ ตรวจสอบความถูกต้องโดยการเดา จากประสบการณ์เดิมและจากสิ่งชี้แนะ อ่านข้อความที่มีตัวอักษรและคำที่เห็นอยู่เป็นประจำ หาคำที่มีตัวอักษรคล้ายคลึงกัน โดยตรวจสอบจากจุดที่เริ่มต้นของประโยค
  • ขั้นที่ 3 Emergent to Early Reading รู้จักคำที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันเมื่อเห็นคำนั้นในบริบทหรือสิ่งแวดล้อมคาดเดาคำใหม่โดยดูรูปประโยค และความหมาย กวาดสายตาถูกทิศทางเมื่อมองข้อความที่คุ้นเคย ชี้และบอกชื่อของตัวอักษรส่วนใหญ่ได้ พิจารณาตัวอักษรบางตัวเพื่อจะบอกว่าคือตัวอะไร จำคำบางคำที่มีตัวพยัญชนะต้นเหมือนกันได้
  • ขั้นที่ 4 Early Reading ชี้หรือกวาดตามองจุดเริ่มต้นและจุดจบของคำบางคำ ใช้เสียงพยัญชนะต้นที่รู้จักในการดาดเดา และตรวจสอบคำที่อ่าน บอกข้อสังเกตที่แสดงว่ารู้ว่าคำๆเดียวกันสามารถประสมกับคำอื่นกลายเป็นคำใหม่ได้ ลอกหรือเขียนสื่อความหมายโดยใช้ภาษาง่ายๆของตนเอง ใช้รูปประโยคที่ถูกต้องและกลับมาอ่านได้ เล่นเกมโดยใช้บัตรคำที่คุ้นเคยหรือเรียงบัตรคำให้เป็นประโยคได้ถูกต้อง ชี้หรือกวาดตามองจุดเริ่มต้นและจุดลงท้ายของประโยค
  • ขั้นที่ 5 Advanced Early Reading คาดเดาข้อความจากสิ่งชี้แนะโดยดูพยัญชนะตัวแรกของคำประกอบกับความรู้เดิมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของรูปตัวอักษรกับเสียงตัวอักษร จำและตรวจสอบตัวอักษรที่สัมพันธ์กับเสียงของคำ ตรวจสอบคำที่อ่านด้วยการชี้ตัวอักษรในคำพร้อมๆ กับออกเสียงไปด้วย ใช้รูปและเสียงตัวอักษรเป็นหลักสะกดคำใหม่ที่ไม่รู้จักหรือคำที่ไม่แน่ใจ จึงเห็นได้ว่าการอ่านของเด็กปฐมวัยมีการพัฒนาเป็นลำดับขั้นตอนจากขั้นง่ายไปสู่ขั้นยาก ซึ่งพัฒนาการในแต่ละขั้นต้องอาศัยการเรียนรู้ความสัมพันธ์ของตัวอักษรกับความหมายของคำ ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อ่านเชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เด็กมีอยู่และความสนใจในการอ่าน รวมถึงประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากกิจกรรมการอ่านในชีวิตประจำวันและจากสภาพแวดล้อมที่เด็กอาศัยอยู่
         พัฒนาการทางการเขียนของเด็กปฐมวัยในแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกันดังเห็นได้จากแนวคิดของโลเวนเฟลด์และบริเทน (Lowenfeld & Brittain) ได้แบ่งพัฒนาการการเขียนของเด็กปฐมวัยออกเป็น 2 ช่วงอายุ คือ ช่วงแรกอายุ 2 –4 ปี จะมีพัฒนาการการเขียนโดยหยิบจับ ขีดเขียน อย่างสะเปะสะปะ เพราะยังไม่สามารถบังคับมือได้ จนกระทั่งมือประสานสัมพันธ์กันดีและสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมือกับตาได้ เด็กจะเริ่มเขียนลากเส้นที่สะเปะสะปะไปสู่เส้นโค้ง มีการวาดเส้นทั้งในแนวดิ่งและแนวนอน และลากเป็นวงกลม และช่วงที่ 2 อายุระหว่าง 4 –7 ปี จะมีพัฒนาการในการเขียนโดยการเขียนเริ่มมีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นการเริ่มต้นสื่อสารด้วยภาพเด็กเริ่มสร้างแบบในการวาดของตน แบบแผนหรือสัญลักษณ์แรกที่เด็กใช้ทำขึ้นได้แก่ รูปคน เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเด็กมากที่สุด
พัฒนาการทางการเขียนของเด็กปฐมวัยมีดังนี้
  • ขั้นที่ 1 ขั้นขีดเขี่ย
  • ขั้นที่ 2 ขั้นเขียนเส้นตรงวาดซ้ำๆ
  • ขั้นที่ 3 ขั้นเขียนรูปแบบคล้ายตัวอักษร
  • ขั้นที่ 4 ขั้นเขียนตัวอักษรและพยัญชนะต้นเริ่มมีความสัมพันธ์กับคำที่เขียน
  • ขั้นที่ 5 ขั้นการเขียนสะกดคำตามกฎเกณฑ์ของตนเอง
  • ขั้นที่ 6 ขั้นการเขียนสะกดคำถูกต้องตามหลักภาษา
                 จึงอาจสรุปได้ว่าพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัยทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องการที่เด็กจะมีพัฒนาการทางภาษาในแต่ละด้านให้สูงขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสภาพแวดล้อมทางภาษาที่อยู่รอบตัวเด็ก ความสามารถในการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนจะพัฒนาไปพร้อมๆ กันและสัมพันธ์กันมากกว่าการเป็นไปตามลำดับขั้นตอน การศึกษาพัฒนาการทางภาษาของเด็กในระยะเริ่มแรกจะช่วยให้ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่าเด็กมีพัฒนาการทางภาษาในแต่ละด้านอยู่ในขั้นใดและขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไรเพื่อจะปฏิบัติได้เหมาะสมกับพัฒนาการทางภาษาในระยะแรกเริ่มได้อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ภาษาของเด็กปฐมวัยในแต่ละช่วงอายุ

2.ฝึกการคัดลายมือ ก-ฮ และสระ


3. ฝึกการอ่านออกเสียง คำต่างๆ

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนประจำวัน 28 สิงหาคม 2557

ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้     

1.ทำความเข้าใจกับข้อตกลงในการเรียน


2.ทำกิจกรรมความหมายเกี่ยวกับการจัด                         ประสบการณ์ภาษาของเด็กปฐมวัย  แบ่ง                                       เป็นกลุ่มและออกมานำเสนอหน้าชั้น
3.สอนการทำบล็อก


ภาพกิจกรรม






เริ่มร่วมกันทำงาน